Thursday, April 28, 2016

หมีน้ำหลบไป วันนี้มารู้จัก "หมูน้ำ" สัตว์หน้าตาแปลกจากโลกใต้ทะเล



ภาพจาก wikipedia

        ทำความรู้จักหมูน้ำ อีกหนึ่งสัตว์หน้าตาแปลกจากโลกใต้ทะเล ถึงแม้จะชื่อเป็นหมู แต่ไม่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์หมูเลยนะ มันคือตัวอะไรกันแน่อยากรู้ลองไปติดตามกันเลย

         หมูน้ำหรือหมูทะเล (Sea Pig) ด้วย ลักษณะภายนอกของมันที่มองดูแล้วคล้ายกับหมู ไม่ว่าจะเป็นตัวที่อ้วนกลมจ้ำม่ำ ผิวสีชมพูอ่อน และปากก็มีส่วนคล้ายกับจมูกของหมู มันจึงถูกตั้งชื่อให้เป็นหมู แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีชื่อว่าหมูเช่นนี้ มันก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์เดียวกับหมูแต่อย่างใด เพราะจริง ๆ แล้วมันคือสัตว์ทะเลที่อยู่ในตระกูลเดียวกับปลิงทะเลน้ำลึก (sea cucumber) ซึ่งอยู่ในไฟลัมเดียวกับปลาดาว และหอยเม่น หรือหากจะเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เจ้าปลิงทะเลตัวอ้วนนั่นเอง

ภาพจาก bogleech
   
           หมูน้ำ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Scotoplanes นอกจากความน่ารักของมันแล้ว หมูน้ำยังเป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเลอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่โดยทั่วไปแล้วจะไม่สามารถพบเห็นได้ง่าย ๆ เนื่องจากมันอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกกว่า 1,000 เมตร ในส่วนที่ลึกและเย็นที่สุดของบริเวณที่ราบก้นสมุทร แถบมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย และถึงมันจะใช้ชื่อว่าหมูน้ำหรือหมูทะเล ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวมันจะอ้วนตลอดเวลา เพราะในช่วงที่มันไม่พองตัว ตัวมันก็จะเรียวลักษณะคล้ายปลิงทั่ว ๆ ไปนี่แหละ

  ภาพจาก echinoblog.blogspot.com
 
          หมูน้ำจะมีอวัยวะสำคัญของสัตว์ในตระกูลนี้ ที่เรียกว่า ทิวบ์ฟีต (Tube feet) หรือเท้าที่มีลักษณะเป็นหลอดยืดยาวออกมา จะใช้หดหรือยืดก็ได้ เพื่อทำหน้าที่ในการคลานเคลื่อนที่ โดยหมูน้ำแต่ละตัวจะมีทิวบ์ฟีตประมาณ 5-7 คู่ ความยาวเฉลี่ยแล้วประมาณ 15 เซนติเมตร นอกจากนี้ที่ตรงส่วนหัวของมันก็ยังมีทิวบ์ฟีตด้วยเช่นกัน แต่ลักษณะของมันจะคล้ายกับหนวด และมีคุณสมบัติพิเศษที่เพิ่มเข้ามาด้วยคือ ใช้เป็นเซ็นเซอร์ในการดมกลิ่นเพื่อหาแหล่งอาหารในก้นทะเลที่ไม่มีแสงสาดส่อง ส่วนอาหารของมันจะเป็นพวกเศษซากพืช ซากสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ปะปนอยู่ในโคลนใต้ทะเล โดยที่ปากของมันจะมีงวงหรือหนวดเล็ก ๆ เพื่อใช้กรองและจับอาหารให้ขึ้นมาจากโคลนเหล่านั้น

 ภาพจาก sciencewows 

              นักวิทยาศาสตร์รู้จักหมูน้ำ มานานกว่า 100 ปีแล้ว โดยนักสัตววิทยาชาวสวีเดนเป็นผู้ค้นพบครั้งแรกเมื่อปี 1882 จากข้อมูลการสำรวจพบว่า หมูน้ำเป็นแหล่งที่อยู่ของพวกปรสิตแปลก ๆ รวมไปถึงหอยทากตัวเล็ก และพวกครัสเตเชียนหรือกุ้งตัวเล็ก ๆ ที่จะมาชอนไชเจาะรูที่ตัวมัน และคอยกัดกินพวกมันจากภายใน แต่สำหรับพวกปลานักล่าแล้ว หมูน้ำจะเป็นสัตว์ที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ พวกมันมีสารเคมีชนิดหนึ่งที่เป็นพิษอยู่บริเวณใต้ผิวหนังของมัน ซึ่งหากนักล่าจำพวกปลาเขมือบกินมันเข้าไปก็จะได้รสชาติที่ขมเฝื่อน ๆ ด้วยลักษณะจำเพาะข้อนี้เอง ทำให้พวกมันมักจะตกเป็นเหยื่อจากการถูกล่าจากปลาน้อย เมื่อเทียบกับสัตว์สายพันธุ์อื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน 

 ภาพจาก bogleech 
  
            นอกจากนี้ หมูน้ำมักจะตกเป็นเหยื่อจากการถูกล่าโดยมนุษย์ โดยส่วนใหญ่แล้วมันจะติดขึ้นมากับอวนของชาวประมง เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเคลื่อนตัวได้ช้า อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงจำนวนมาก และยังชอบอาศัยอยู่บริเวณเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งคาดว่าอาจเพราะเป็นแหล่งหาอาหารที่สมบูรณ์ที่สุดของมันก็เป็นได้ จากรายงานพบว่า การลากอวนครั้งหนึ่งสามารถจับหมูน้ำได้ถึง 300 ตัวเลยทีเดียว และยังมีการพบว่ามันถูกจับนำไปทำเป็นอาหารราคาแพงในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ภาพจาก echinoblog.blogspot.com

ภาพจาก eol.org

ข้อมูลจาก jobsnhire, ourbreathingplanet, wired
http://pet.kapook.com/view147148.html


Tuesday, April 26, 2016

เปิดเคสสุดพิสดาร ผู้ชายท้องได้ เมื่อ "ฝาแฝด" ไปเติบโตในท้องเขากว่า 36 ปี



 (ซ้าย) นายซันจู ภากัต (ขวา) ภาพแฝดปรสิต จากเคสผ่าตัดในประเทศอียิปต์

         เปิดเคสการแพทย์สุดพิสดาร ชายชาวอินเดียสุดทรมาน ป่วยด้วยโรคท้องโตจนเกินรับไหว แพทย์ผ่าตัดออกมาถึงกับผงะ เมื่อพบแฝดปรสิตอยู่ภายใน มีทั้งแขน ขา อวัยวะเพศ ผม และเล็บยาวเฟื้อย มีชีวิตในท้องมากว่า 36 ปี

          ย้อน กลับไปเมื่อปี 2542 กระทาชายนาม ซันจู ภากัต วัย 36 ปี ชาวเมืองนาคปุระ ประเทศอินเดีย ผู้มีอาชีพเป็นชาวนา ประสบปัญหาท้องป่องจนดูน่ากลัว ด้วยความที่เขาเป็นคนรูปร่างผอมบาง ทำให้ดูเหมือนกำลังท้องแก่ไม่มีผิด จนกลายเป็นที่ติฉินนินทา และเป็นตัวตลกของชาวบ้าน

          นาย ซันจูปล่อยให้ท้องของเขาขยายใหญ่โตมาเนิ่นนาน จนกระทั่งวันหนึ่งเขารู้สึกว่าหายใจลำบากจนแทบทนไม่ไหว จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน แพทย์แห่งโรงพยาบาล ทาทา เมโมเรียล ในเมืองมุมไบ วินิจฉัยอาการเบื้องต้นว่า อาจจะมีเนื้องอกขนาดใหญ่อยู่ภายในช่องท้อง และตัดสินใจทำการผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อนำมันออกมา ก่อนที่จะส่งผลกระทบถึงชีวิตของเขา

แฝดปรสิต จากเคสของนาย นเรนทรา กุมาร์ ชาวอินเดีย
  
        ทันทีที่แพทย์เริ่มผ่าท้องและยื่นมือเข้าไปภายใน ก็มีอันต้องผงะอย่างแรง เมื่อพวกเขาพบว่าสิ่งที่เคยคิดไว้ว่าเป็นเนื้องอก กลับกลายเป็นบางอย่างที่น่าสะพรึง

          ของเหลวจำนวนหลายแกลลอนทะลักออกมาเมื่อท้องถูกผ่าออก จากนั้นศัลยแพทย์แจ้งว่าภายในช่องท้องเต็มไปด้วยกระดูกจำนวนมาก ก่อนจะดึงเอาแขนข้างหนึ่งออกมา ตามด้วยชิ้นส่วนมนุษย์อื่น ๆ ทั้งอวัยวะเพศ เส้นผม กราม และแขนขาข้างอื่น ซึ่งมีเล็บนิ้วมือนิ้วเท้าที่ยาวพอสมควร !!!

แฝดปรสิต จากเคสของเด็กทารกวัย 6 เดือน ชาวอินเดีย
 
          เป็นอันคลี่คลายปริศนาท้องโต เมื่อคณะแพทย์สรุปว่า สิ่งที่นายซันจูอุ้มท้องมาตลอด 36 ปี คือ แฝดเพศชายอีกคนของเขานั่นเอง แฝดแบบนี้ทางการแพทย์เรียกกันว่า แฝดปรสิต (Fetus in fetu) ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาสุดสะพรึง ที่หาชมได้ยากพอสมควร
  
          แฝดปรสิต เป็นชื่อเรียกภาวะที่ตัวอ่อนมนุษย์เกิดการรวมร่างกัน โดยแฝดคนหนึ่งจะเข้าไปอยู่ในร่างของแฝดอีกคน ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ลูกแฝด แต่ส่วนใหญ่แล้วเด็กทั้งคู่มักไม่รอดชีวิตเมื่อคลอดออกมา

          ส่วน ในกรณีที่ทารกบังเอิญโชคดีและรอดชีวิต แฝดปรสิตจะอาศัยอยู่ภายในร่างกายของแฝดอีกคนหนึ่ง และจะค่อย ๆ มีพัฒนาการของร่างกายเรื่อย ๆ แต่ไม่สมบูรณ์จนเป็นมนุษย์ได้ อย่างไรก็ดี การเจริญเติบโตของแฝดปรสิตก็อาจทำร้ายแฝดเจ้าของร่างกายได้ อย่างเช่นกรณีของนายซันจู ที่อุ้มท้องแฝดน้องชายของตัวเองมานานทั้งชีวิต

          หลังจากผ่าตัดนำน้องชายของตัวเองออกไปจากร่างแล้ว นายซันจูก็มีอาการดีขึ้นมากทีเดียว น้ำหนักของเขาลดลงจาก 90 กิโลกรัม เหลือเพียงแค่ 39 กิโลกรัม เท่านั้น แต่เขาไม่สนใจว่าเคยมีอะไรอยู่ภายในท้อง และยืนกรานที่จะไม่ขอดูสภาพคู่แฝดของตัวเองอย่างเด็ดขาด แม้จะเติบโตในท้องมานานเกือบ 4 ทศวรรษก็ตาม

          หลังจากที่ซันจูกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติ บรรดาชาวบ้านสังเกตเห็นว่าท้องป่อง ๆ ของเขาหายไปแล้ว จึงพากันซุบซิบว่าเขาต้องแอบไปคลอดลูกออกมาแน่ ๆ แหม...ช่างพูดกันไปได้ แต่อันที่จริงก็มีส่วนถูกเหมือนกันเนอะ

ภาพจาก mysteriousfacts, Sanjay Pandey, indianpediatrics
ขอบคุณข้อมูลจาก mysteriousfacts, abcnews
 
http://hilight.kapook.com/view/135926

Friday, April 22, 2016

สยองหนัก ! หนุ่มตัดต้นไม้ ผงะเจอไส้ในประหลาดที่ทำเอาช็อก




          หนุ่มพบสิ่งประหลาดสุดสะเทือนขวัญ หลังตัดต้นไม้ใหญ่จนโค่น ใช้เวลาอยู่นานก่อนจะรู้ ว่าแท้จริงคือ "งู" ที่ตัวขาดไปแล้วครึ่งท่อน ทำเอาร้องลั่นไม่เป็นภาษา

          วันที่ 21 เมษายน 2559 เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยคลิปวิดีโอชวนสะพรึง เมื่อชายหนุ่มนาม ไรอัน ซอว์นเดอร์ส เจ้าของคลิปวิดีโอ ได้บันทึกนาทีชวนขนลุกขนพองเอาไว้ ขณะที่เขาพบว่ามีบางสิ่งอยู่ในเนื้อไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่เขาเพิ่งโค่นมันลง

  
        เจ้าสิ่งประหลาดที่ว่านี้มีสีดำ ลักษณะเป็นเส้นตรงยาว ที่ปลายของมันมีสีแดงคล้ายเลือด และมันก็ค่อย ๆ โผล่ไหลออกมาจากเนื้อโพรงไม้

          หนุ่มไรอันใช้เวลาอยู่พักหนึ่ง จึงรับรู้ได้ว่า เจ้าสิ่งประหลาดสีดำที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากเนื้อไม้นี้ แท้จริงแล้วมันคืองูตัวหนึ่ง ที่บังเอิญดวงกุดสุดขีด ถูกตัดร่างออกไปครึ่งหนึ่งพร้อม ๆ กับต้นไม้ที่เพิ่งถูกโค่นไปนั่นเอง ว่าแต่มันเข้าไปอยู่ข้างในนั้นได้ยังไงล่ะเนี่ย

  
           งานนี้ทำเอาไรอันร้องตะโกนไม่เป็น ภาษา เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือซากงูไร้หัว แต่มันกลับเลื้อยดุกดิกราวกับยังมีชีวิต บรื๋อ ! เล่นเอาสยองไปอีกนาน ถ้าจะมีอะไรน่ากลัวกว่างู เห็นทีคงเป็นงูครึ่งตัวโผล่มาแบบนี้นี่แหละ...

ภาพจาก Sean Naber
http://hilight.kapook.com/view/135790

Thursday, April 21, 2016

สะเทือนใจ คลิปเด็กหญิงร้องไห้จ้า หลังถูกบังคับแต่งงานในวัยเพียง 5 ขวบ !




              เปิดคลิปวิดีโอชวนหดหู่ เด็กหญิงอินเดียวัย 5 ขวบ เบะปากร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสงสาร หลังถูกครอบครัวจับแต่งงานกับเด็กชายแปลกหน้า ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู

              วันที่ 21 เมษายน 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ของอังกฤษ เปิดเผยคลิปวิดีโอชวนเศร้า โดยระบุว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย ในคลิปวิดีโอ ปรากฏภาพพิธีวิวาห์แบบพื้นเมือง แต่ทุกอย่างจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา หากเจ้าบ่าวไม่ใด้มีอายุ 11 ขวบ และเจ้าสาวไม่ใช่เด็กวัยเพียง 5 ขวบเท่านั้น !

  
              เด็กหญิงวัย 5 ขวบในชุดส่าหรีสวยงาม ร้องไห้เสียงดัง ขณะถูกพ่อจูงมือบังคับให้เดินรอบกองไฟ พร้อม ๆ กับเจ้าบ่าววัย 11 ขวบของเธอ แต่ไม่ว่าเด็กหญิงจะร้องไห้จ้าเพียงใด ผู้เป็นพ่อก็ไม่หยุดจูงมือลากเธอเดินรอบกองไฟให้ครบ 7 รอบ เพื่อทำตามพิธีกรรมที่สมบูรณ์แบบ

  
              ในขณะที่เนื้อหาส่วนที่เหลือของคลิปวิดีโอ ปรากฏภาพบ่าวสาวผู้เยาว์อีกหลายคู่ ทำพิธีแต่งงานในลักษณะคล้ายคลึงกัน และเด็กหญิงผู้เป็นเจ้าสาว ต่างร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนกันทุกราย

              ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของรัฐ ระบุหลังได้รับชมคลิปวิดีโอดังกล่าวว่า โดยปกติแล้ว มีการห้ามปรามการจัดงานแต่งงานระหว่างผู้เยาว์มาโดยตลอด แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นการจัดพิธีแบบลับ ๆ กันเองในหมู่บ้าน และคาดว่ามีพยานรู้เห็นหลายราย แต่ไม่กล้ามาแจ้งทางการเพราะกลัวจะถูกสังคมกดดัน

  
            ส่วนด้าน กีรติ ภารตี นักสิทธิมนุษยชนเด็ก และผู้ก่อตั้งองค์กรช่วยเหลือเจ้าสาวผู้เยาว์ แสดงความคิดเห็นต่อคลิปวิดีโอดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควรออกมาแสดงท่าทีสักอย่างต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในคลิปนี้ สามารถจับภาพของนักบวชผู้ทำพิธีไว้ได้อย่างชัดเจน แสดงว่าผู้ใหญ่ในสังคมล้วนมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ ไม่ใช่เป็นเพียงพิธีกรรมลับ ๆ ในครอบครัวเท่านั้น



ภาพจาก First Video
http://hilight.kapook.com/view/135751