Monday, October 31, 2016

สาวเผยประสบการณ์ระทึก ผจญภัยใต้สุสานฝังโครงกระดูกกว่า 6 ล้านศพ




          สาวสวยนักผจญภัยขาลุย ฉายา อินเดียน่า เจน เปิดประสบการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอด ผจญภัยใต้คาตาคอมส์ ออฟ ปารีส สุสานฝังโครงกระดูกกว่า 6 ล้านศพในฝรั่งเศส

          เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ เปิดเผยเรื่องราวการผจญภัยในสุสานใต้มหานครปารีส ของ อลิสัน ทีล สาวนักเซิร์ฟและนักผจญภัยที่เป็นขาลุยตัวยง อลิสันเดินทางมายังปารีสเพื่อไปชมสุสาน แต่อินเดียน่าโจนส์ซะอย่าง เธอจะเดินทางเข้าด้วยช่องทางเหมือนคนอื่นไม่ได้ จึงลุยด้วยการลอดผ่านท่อทะลุอุโมงค์เข้าไป !

 
          อลิสัน ทีล เป็นลูกสาวของนักธรรมชาติวิทยาและช่างภาพสัตว์ป่า เธอเองนั้นเป็นนักผจญภัยที่ท่องเที่ยวไปทั่วโลก โดยเฉพาะไปตามสถานที่ที่เข้าถึงยากต่าง ๆ ที่ไม่มีใครเคยไปเยือน โดยสมัยที่เธอยังเด็ก ในช่วงวันฮาโลวีน พ่อของอลิสันจะเล่าเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับสุสานที่มีโครงกระดูกมากมายกว่า 6 ล้านโครง ! อลิสันจึงใฝ่ฝันว่าจะได้มาเยือนสุสานแห่งนี้ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และเพื่อฉลองวันฮาโลวีนปีนี้ โอกาสนั้นก็มาถึง

  
        สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส จุดสังเกตของตัวสุสานคือ จะอยู่บริเวณทางใต้ประตูเมืองเก่า บาร์ริเยร์ ดองแฟร์ โดยจะอยู่ข้างล่างของรู เดอ ตอง อิสซัสว์ โดยอยู่ลึกลงไปจากพื้นดินราว 152 เมตร  สุสานโบราณแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเหมืองในสมัยก่อน มีทางเข้าออกเชื่อมต่อกับระบบอุโมงค์ท่อน้ำใต้ดินโบราณซึ่งมีความยาวกว่า 350 กิโลเมตร และมีความเชื่อกันว่าถ้าเข้ามาผจญภัยในนี้แล้วมาผิดทางจะไม่สามารถกลับออกไปได้อีกเลย ต้องเป็นผีสังเวยชีวิตที่นี่ !

 
          การผจญภัยไปสู่สุสานใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ เริ่มจากการค่อย ๆ ไต่ลงไปในท่อแคบ ๆ โรยตัวลงมาจนถึงโครงข่ายถ้ำ อลิสันและทีมงานของเธอต้องเดินผ่านทางเดินยาวที่มืด และแคบเพียงแค่พอเดินได้เท่านั้น ภายในนั้นมืดสนิท พวกเขาต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟฉายและตะเกียง

 
          เมื่ออลิสันลงไปสู่ระดับที่ลึกมากขึ้น ทุกอย่างยิ่งน่าหวาดหวั่นขึ้นทุกที ทางเดินแคบและลาดต่ำลง ออกซิเจนในอากาศเริ่มเบาบางลงเรื่อย ๆ แต่เธอก็ยังเดินหน้าต่อ และค้นพบห้องลับที่เต็มไปซากโครงกระดูกมากมายกองทับถมกันอยู่

 
          เมื่อเริ่มไปต่อ ทางเดินยิ่งแคบลงจนกลายเป็นเพียงช่องเล็ก ๆ ที่ต้องคืบคลานไปอย่างทุลักทุเล

หลังออกจากช่องแคบ ๆ ก็ต้องพบกับทางเดินที่เต็มไปด้วยน้ำ อลิสันต้องลุยน้ำลงไป แต่จุดหมายปลายทางยังไม่ใกล้ อากาศหายใจก็น้อยมาก อีกทั้งระดับน้ำก็เริ่มสูงขึ้น  จนพวกเขาไม่สามารถเดินย้อนกลับออกไปได้

 
          "พวกเราเดินกันต่อไปไม่ได้ จนต้องว่ายน้ำเพื่อไปต่อ ต้องว่ายกันต่อไปจนเจอช่องเล็ก ๆ ให้พักหายใจ พวกเราบันทึกภาพกันต่อไปไมได้ มันน่ากลัวมาก ๆ ทุกคนตัวสั่นกันไปหมด" อลิสันเล่าถึงเหตุการณ์ระทึกที่เธอพบเจอ
       
          อลิสันและทีมงานต้องว่ายน้ำกันไปอย่างลำบากท่ามกลางความมืด จนคลำทางออกมาสู่ทางเดินโล่งได้สำเร็จ และเจอช่องให้ปีนออกไปข้างนอกได้ ปิดฉากการผจญภัยสุดระทึกที่กินเวลายาวนานตลอดทั้งคืน และถึงแม้ว่าจะทุลักทุเล แถมต้องลำบาก แต่อลิสันก็ทำตามความฝันได้สำเร็จ ได้เห็นสุสานสุดสะพรึงที่เธออยากไปเยือนมาตลอดตั้งแต่เด็ก นับว่าเป็นประสบการณ์คุ้มค่า ถึงแม้ว่าแทบจะเอาชีวิตไม่รอดก็ตาม
 

ภาพจาก Instagram alisonsadventures, catacombes.paris.fr, Alison's Adventures
http://hilight.kapook.com/view/144332

Friday, October 28, 2016

หนุ่มบริจาคตับครึ่งหนึ่งให้สาวแปลกหน้า.. 2 ปีต่อมาเธอกลายเป็นครึ่งชีวิตของเขา




       หนุ่มตัดสินใจบริจาคตับ 1 ข้างเพื่อช่วยชีวิตสาวแปลกหน้า ไม่น่าเชื่อ 2 ปีต่อมา ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน และกลายเป็นครึ่งชีวิตของกันและกัน

        เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ เผยเรื่องราวความรักที่น่าอัศจรรย์และชวนประทับใจของคริสโตเฟอร์ และฮีทเธอร์ เดมป์เซย์ คู่รักชาวอเมริกัน จากรัฐอิลลินอยส์ ทั้งสองได้มาพบรักกันจากจุดเริ่มต้นที่มากกว่าคำว่าพรหมลิขิต เมื่อครั้งหนึ่ง คริสโตเฟอร์ ได้ตัดสินใจบริจาคตับ 1 ข้างให้กับหญิงที่เขาไม่รู้จักมาก่อน เพื่อช่วยชีวิตเธอไว้ แต่ใครจะล่วงรู้ว่า หญิงสาวผู้ป่วยในวันนั้นไม่เพียงแต่จะแชร์อวัยวะร่วมกับเขาครึ่งหนึ่ง แต่ยังกลายมาเป็นครึ่งชีวิตของเขาในวันนี้ด้วย

        ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน คริสโตเฟอร์ เดมป์เซย์ อดีตนาวิกโยธิน ได้ยินว่ามีเพื่อนร่วมงานของเขาพูดถึงลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งซึ่งคือ ฮีทเธอร์ ครูเกอร์ เธอต้องการรับบริจาคตับเพื่อไปทำการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ หลังจากตับของเธอติดเชื้อในระยะที่ 4 โดยทางแพทย์ได้บอกว่า เธอมีโอกาสเหลือเพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 2 เดือนข้างหน้า

  
      เมื่อได้ยินเช่นนั้น คริสโตเฟอร์จึงตัดสินใจอาสาให้ความช่วยเหลือ โดยหลังจากการตรวจก็พบว่าเนื้อเยื่อของเขาเข้ากับฮีทเธอร์ได้ เขาจึงยินยอมที่จะเป็นผู้บริจาคอวัยวะให้กับเธอ ในระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนทางการแพทย์ ทั้งคู่ก็มีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันและใกล้ชิดกันมากขึ้น คริสโตเฟอร์ เผยว่า ทั้งคู่รู้สึกว่าการบริจาคครั้งนี้เป็นผลดี เขาเริ่มคิดว่าฮีทเธอร์ เป็นผู้หญิงที่ดี และอยากรู้จักเธอมากขึ้น
        
       โดยหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้นไปด้วยดี ทั้งคู่ก็ได้ศึกษาดูใจกันต่อแล้วก็เริ่มคบหากันเช่นคู่รักทั่วไป จากวันที่ทั้งสองได้พบกันครั้งแรกจนเวลาผ่านไปนาน 9 เดือน ในที่สุด คริสโตเฟอร์ ก็ตัดสินใจขอฮีทเธอร์แต่งงาน 

  
             "ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิตว่า การตัดสินใจของผมในวันนั้น จะทำให้ผมได้พบและได้แต่งงานกับเธอในวันนี้ มันน่าอัศจรรย์มากจริง ๆ" คริสโตเฟอร์ กล่าว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Christopher Dempsey, เฟซบุ๊ก Heather Dempsey
http://hilight.kapook.com/view/144160

Monday, October 24, 2016

หนุ่มออฟฟิศสะดุ้ง เหมียวน้อยแอบส่องจากช่องเพดาน ถึงว่า...เหมือนถูกใครจ้องอยู่


พนักงานออฟฟิศชาวญี่ปุ่นรู้สึกแปลก เหมือนมีดวงตาแอบจับจ้องมองอยู่ พอสังเกตดูดี ๆ เท่านั้นแหละยิ้มเลย เพราะที่แท้คือเจ้าเหมียวน้อยจอมซนนี่เอง

          เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวน่ารัก ๆ จากหนุ่มออฟฟิศชาวญี่ปุ่นเจ้าของทวิตเตอร์ @omocha_no_uma โดยเขาได้โพสต์ภาพที่ได้รับมาจากเพื่อนร่วมงาน เป็นของเจ้าเหมียวตัวน้อยที่ขึ้นไปแอบอยู่ในช่องกลม ๆ บนเพดาน พร้อมกับจ้องมองลงมาที่ด้านล่าง พร้อมกับแซวขำ ๆ ว่า "หรือนี่จะเป็นกล้องวงจรปิดชนิดใหม่ แบบที่ไม่ต้องบันทึกวิดีโอ แต่ใช้ระบบจำหน้าคนแทน"

  
          โดยหลังจากภาพถูกโพสต์ไปในโลกโซเชียลของญี่ปุ่นก็มีผู้คนชื่นชอบมากมาย เข้ามากดถูกใจเกือบแสน และรีทวิตต่อกันมากกว่า 8 หมื่นครั้งด้วยกัน

          อย่างไรก็ดี ทั้งหนุ่มออฟฟิศและเพื่อนที่เป็นเจ้าของรูป ต่างก็ไม่ทราบว่าเจ้าเหมียวน้อยแสนซนตัวนี้ขึ้นไปอยู่บนช่องนั้นได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นกับมันหลังจากนั้น

ภาพจาก ทวิตเตอร์ @omocha_no_uma
http://pet.kapook.com/view159251.html

 


Wednesday, October 12, 2016

ตูบเพื่อนซี้คู่นี้กอดกันไม่ยอมห่าง จนต้องประกาศหาคนอุปการะยกคู่




       โลกออนไลน์ประทับใจ ตูบเพื่อนยากตัวติดกันไม่ห่าง แม้ในวันที่ถูกเจ้าของนำออกจากบ้านไปไว้ที่ศูนย์สงเคราะห์สัตว์ มันก็กอดกันตลอดจนทางศูนย์ฯ ต้องประกาศหาคนอุปการะยกคู่

        โลกออนไลน์พากันแชร์ภาพน่ารักชวนประทับใจของเจ้าตูบคู่ยาก 2 ตัวที่ไม่ยอมห่างกันไปไหนแม้ในยามที่ต้องเผชิญชะตากรรมลำบาก และไม่สุขสบายเหมือนแต่ก่อนก็ตาม โดยเว็บไซต์เดลี่เมล  ได้หยิบนำมาเสนอให้ชมในวันที่ 11 ตุลาคม 2559 เผยว่า เจ้าตูบตัวเล็กสีขาวมีชื่อว่า ซีซี ส่วนตูบตัวใหญ่ขนยาวสีดำมีชื่อว่า ชิวเบกก้า เจ้าตูบทั้ง 2 ตัวเคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งด้วยกันมานานหลายปี กระทั่งวันหนึ่งลูกน้อยของเจ้าของป่วยเป็นภูมิแพ้ขนสัตว์ เจ้าซีซีและชิวเบกก้าจึงถูกส่งไปอยู่ที่ศูนย์เคราะห์สัตว์ในรัฐไอโอวา สหรัฐฯ อย่างจำใจ

 
        แม้จะไม่ได้เรียกว่าทิ้งแต่สถานกรณ์ก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่นัก เมื่อเจ้าซีซีและชิวเบกก้ามาอยู่ที่ศูนย์เคราะห์สัตว์พวกมันทั้งคู่ก็ไม่ยอมอยู่ห่างกันเลย เดินไปไหนไปด้วยกันทุกที่ทุกเวลา ตัวติดหนึบกันตลอด และภาพที่เห็นบ่อย ๆ คือ เจ้าซีซีมักจะขึ้นไปซบนอนและแอบอิงอยู่บนหลังเจ้าชิวเบกก้า โดยที่เจ้าชิวเบกก้าก็ไม่ได้รำคาญแต่อย่างใด

  
      แม้แววตามันทั้งคู่จะดูเศร้าเหงาหงอยน่าสงสาร แต่ความผูกพันที่พวกมันทั้ง 2 ตัว แสดงต่อกันนั้นทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้เยอะเลย ประหนึ่งว่าพวกมันจะไม่มีวันทิ้งกัน ซึ่งทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างพากันเอ็นดูมาก ๆ โดยหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพของเจ้าซีซีและรีเบกก้าไปโพสต์ลงเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ชาวเน็ตต่างก็ให้ความสนใจเข้ามาชื่นชมและหลงรักมันทั้งคู่ พากันแชร์ต่อกันไปมากกว่าหมื่นครั้ง 

 
        หลังจากนั้น 4 วัน ก็มีคนรักสุนัขผู้ใจบุญ เมตตามารับมันเจ้าซีซีและรีเบกก้าไปเลี้ยงคู่กัน และจากนี้มันทั้งคู่ก็ไม่มีวันจากกันเลย แถมยังได้เพื่อนใหม่มาเพิ่มเป็นเจ้าตูบอีก  2 ตัวและเจ้าหมูอีก 3 ตัว รวมกันเป็นแก๊งใหญ่เลยคงไม่ต้องเหงาอีกแล้วล่ะคราวนี้





 
ภาพจาก Animal Rescue League of Iowa
http://pet.kapook.com/view158739.html