Friday, January 29, 2016

หาดูยาก ชมภาพเจ้าโอโม ยีราฟเผือกที่โดดเด่นกลางป่าแอฟริกา




        พาไปชมยีราฟเผือกหายากจากแอฟริกา โดดเด่นเห็นเป็นสง่ากลางป่า นักนิเวศวิทยาตั้งชื่อให้น่ารัก ๆ ว่า โอโม

          เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยภาพสัตว์หายาก เป็นภาพของยีราฟเผือกเพศเมีย แม้จะเกิดมาพร้อมภาวะผิดปกติ แต่ก็ทำให้มันทั้งสวยและสง่า โดดเด่นท่ามกลางฝูงยีราฟในป่า ถูกพบที่บริเวณเขตอุทยานแห่งชาติทารังกิเร (Tarangire National Park) ประเทศแทนซาเนีย ทางชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกา

          ดอกเตอร์เดเร็ก ลี  วัย 45 ปี  นักนิเวศวิทยาและนักวิทยาศาสตร์ ผู้ก่อตั้งศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าที่มุ่งเน้นอนุรักษ์ยีราฟเป็นส่วนใหญ่ เป็นผู้ถ่ายภาพมันไว้ได้ และตั้งชื่อให้กับมันว่า โอโม



         ดอกเตอร์เดเร็ก เผยว่า เจ้าโอโมมีภาวะที่เรียกว่า ลูซิสติด (Leucistic) หรือ ภาวะผิวขาวตาดำ ซึ่งเป็นลักษณะผิดปกติของการสร้างเม็ดสีที่เกิดเฉพาะบนลำตัว ทำให้มีสีผิวขาวเผือกแต่มีดวงตาเป็นสีดำสนิท แต่แม้ว่าภายนอกมันจะดูแตกต่างจากฝูง แต่มันก็อยู่รวมกลุ่มกับยีราฟตัวอื่น ๆ ได้เป็นปกติ

          เจ้าโอโมตัวนี้เก่งมาก มันสามารถเอาชีวิตรอดจากการถูกนักล่าในป่าอย่างสิงโต เสือดาว และไฮยีนา เล่นงานในช่วงวัยเด็กมาได้  และตอนนี้มันเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ มีอายุได้ 1 ปี 3 เดือนแล้ว


ภาพจาก Wild Nature Institute
http://hilight.kapook.com/view/132173

Wednesday, January 27, 2016

ชายนึกคึกดูหนังโป๊-ช่วยตัวเองขณะขับรถ ประสบอุบัติเหตุดับอนาถ



ภาพจาก shutterstock_325550612

 

          ชายอเมริกันประสบอุบัติเหตุรถชนจนถึงขั้นเสียชีวิต หลังนึกคึกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหนังโป๊แล้วช่วยตัวเองไปด้วยระหว่างขับรถ

          รายงานจากเว็บไซต์นิวยอร์กเดลี่นิวส์ ระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเมืองดีทรอยด์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา นายคลิฟฟอร์ด เรย์ โจนส์ ชายวัย 58 ปี ได้ขับรถไปตามทางหลวง โดยที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย

          ลำพังแค่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยก็เสี่ยงตายพออยู่แล้ว คลิฟฟอร์ดยังประมาทกว่านั้นด้วยการหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหนังโป๊ดูระหว่างขับรถ แล้วก็ตามระเบียบ เมื่อดูหนังโป๊แล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ เขาจึงอดไม่ไหว ช่วยตัวเองขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงจับพวงมาลัยอยู่

          ความประมาทดังกล่าวทำให้รถเสียหลักจนประสบอุบัติเหตุ ตัวกระเด็นออกมาจากรถในสภาพที่เปลือยท่อนล่าง และเมื่อตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของเขาก็พบว่าหนังโป๊ถูกเปิดอยู่

          ด้านตำรวจมิชิแกนถึงกับเผยว่า อุบัติเหตุจากการดูหนังโป๊ระหว่างขับรถ นับว่าเป็นคดีที่แปลกที่สุดคดีหนึ่งที่เคยพบมา


http://hilight.kapook.com/view/132138

Monday, January 25, 2016

นักวิทย์ปลูกใบหูเทียมบนหลังหนู เตรียมปลูกในคนภายใน 5 ปีข้างหน้า



         นักวิจัยจากญี่ปุ่นแสดงความเชื่อมั่น สามารถปลูกอวัยวะเทียมในคนได้ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ หลังประสบความสำเร็จในการใช้เซลล์ต้นแบบ ปลูกใบหูเทียมมนุษย์บนหลังหนูทดลอง หวังเป็นหนทางใหม่ รักษาเด็กเกิดมาพร้อมภาวะผิดปกติบนใบหน้า ตลอดจนผู้ประสบอุบัติเหตุ

          เว็บไซต์เดลี่เมล เผยในรายงานวันที่ 24 มกราคม 2559 ว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียวและมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ได้แสดงความมั่นใจถึงนวัตกรรมการรักษาใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าจะสามารถปลูกอวัยวะเทียมในคนได้ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ หลังจากประสบควาสำเร็จจากการทดลองปลูกใบหูเทียมของมนุษย์ ลงบนหลังของหนูทดลองได้เป็นผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ

          เหล่านักวิจัยคาดหวังให้สิ่งนี้เป็นหนทางสู่กาารักษาเยียวยาเด็ก ๆ ที่เกิดมาพร้อมภาวะผิดปกติบนใบหน้า หรือสูญเสียอวัยวะบนใบหน้าไปจากอุบัติเหตุ อาทิ ถูกสุนัขขย้ำ ตลอดจนทหารผ่านศึกและผู้ประสบอุบัติเหตุเสียโฉม ก็จะได้รับประโยชน์จากความสำเร็จในการปลูกอวัยวะเทียมนี้ด้วย


  ก่อนหน้านี้ วิธีการสร้างใบหูเทียมจะทำขึ้นโดยใช้การตัดแต่งจากกระดูกอ่อนจากซี่โครงของ ผู้ป่วย แต่วิธีการนี้ต้องอาศัยการผ่าตัดซ้ำหลายครั้ง สร้างความเจ็บปวดให้ผู้ป่วย หนำซ้ำหน้าอกที่ถูกผ่าตัดไปก็ไม่อาจฟื้นฟูสูู่สภาพสมบูรณ์ดังเดิมได้ 100%


         แต่ด้วยวิธีการใหม่ จะลดขั้นตอนการผ่าตัดที่ยุ่งยาก ตลอดจนความเจ็บปวดของผู้ป่วยลง โดยใช้เซลล์ตั้งต้น หรือ สเต็มเซลล์ เพียงไม่กี่เซลล์ ทำให้เป็นเซลล์กระดูกอ่อน เลี้ยงให้โตเป็นก้อนกลม ๆ ก่อนในห้องแล็บ แล้วจึงนำไปใส่ในพิมพ์พลาสติกพิเศษรูปใบหู จากนั้นจึงนำไปฝังในผิวหนังของผู้ป่วย ในระยะเวลา 2 เดือน พิมพ์จะค่อย ๆ สลายหมดไป ทิ้งไว้แต่ใบหูที่เจริญได้ขนาด 2 นิ้ว ซึ่งจะเป็นเซลล์ที่มีชีวิตและสามารถเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ ตามการเติบโต

          ทั้งนี้ วิธีการเดียวกันนี้ถูกนำไปทดลองพัฒนาบ้างแล้วจากกลุ่มนักวิจัยสถาบันต่าง ๆ โดยมุ่งหมายพัฒนาให้เป็นวิธีการสร้างอวัยวะเทียมทดแทนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผู้ป่วย ที่อาจสูญเสียไปจากอุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ หรือภาวะพิการแต่กำเนิด โดยที่ผ่านมามีการทดลองปลูกอวัยวะ เช่น จมูก ใบหู ไว้บนตัวคนไข้แทนที่จะปลูกกับสัตว์ทดลองแล้ว

ภาพจาก tokyo-np.co.jp, John Hopkins Hospital, sina
http://health.kapook.com/view140088.html

Friday, January 22, 2016

ประชดแรง ! หญิงปาดคอเป็ดเลือดสาด หลังถูกห้ามนำสัตว์เป็น ๆ ขึ้นรถไฟ



 

         หญิงชาวจีนคว้ามีดปอกผลไม้มาปาดคอเป็ดที่เพิ่งซื้อมาเลือดสาดอาบพื้นในสถานี ประชดถูกพนักงานห้ามนำสัตว์เป็น ๆ ขึ้นรถไฟใต้ดิน

          วันที่ 20 มกราคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยเหตุสุดสะพรึงจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน โดยเหตุเกิดในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเฉิงตูตะวันออก ในเวลาราว 10.00 น. ของวันพุธที่ผ่านมา (20 มกราคม) จู่ ๆ ก็มีหญิงชาวจีนไม่ทราบชื่อแซ่รายหนึ่ง ได้หยิบมีดปอกผลไม้มาปาดคอเป็ดที่เพิ่งซื้อมาจนเลือดสาดกระจาย

          นายหวาง ผู้เห็นเหตุการณ์แบบจะจะต่อหน้า เล่าว่า หญิงสาวคนดังกล่าวซึ่งน่าจะมีอายุราว 20-25 ปี ได้หยิบมีดปอกผลไม้มาปาดคอเป็ดอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงเข้าไปต่อว่าและถาม ว่าเหตุใดจึงฆ่าเป็ดต่อหน้าผู้โดยสารคนอื่น ๆ เช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ดีเลย


          ด้านหญิงสาวให้คำตอบว่า เธอถูกพนักงานรถไฟห้ามไม่ให้นำสัตว์ที่มีชีวิตขึ้นรถไฟไปด้วย จึงจำเป็นต้องฆ่ามันให้ตายเสียก่อน ส่วนมีดปอกผลไม้นี้ เธอขอยืมมาจากคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในขณะนั้น

         จากภาพที่นายหวางได้ถ่ายเอาไว้ และแชร์ต่อกันในโลกออนไลน์จนเป็นที่ฮือฮานั้น ปรากฏภาพของเป็ดตัวสีดำซึ่งอยู่ในตะกร้าจ่ายตลาดสีชมพู ที่คอถูกมีดปาดจนแหว่ง ทำเลือดไหลมาเลอะเทอะบนพื้นสถานีรถไฟ ซึ่งหญิงสาวก็ได้นำกระดาษหนังสือพิมพ์มารองเลือดของมันไว้ด้วย

          ด้านพนักงานรถไฟให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า การฆ่าเป็ดในที่สาธารณะ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย แต่พนักงานก็ยอมรับแต่โดยดี ว่าเป็นความผิดของพวกตนเองที่ไม่สามารถควบคุมผู้โดยสารให้ทำตามกฎระเบียบได้

 

          อนึ่ง ตามกฎระเบียบที่ถูกต้องในการใช้รถไฟของประเทศจีนนั้น ทั้งสิ่งมีชีวิตอย่างเป็ด และของมีคมอย่างมีดปอกผลไม้ ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้โดยสารนำติดตัวขึ้นรถไฟ หากฝ่าฝืนถือว่ามีโทษ แต่ทั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ว่าหญิงนักเชือดเป็ดรายดังกล่าวจะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง


          เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเซี่ยงไฮ้ แต่เป็นคุณป้ารายหนึ่งที่นำปลามาเชือดในอ่างล้างมือของห้องน้ำสาธารณะแบบไม่ แคร์สายตาใคร ทำเอาผู้โดยสารหลายรายอึ้งกันเป็นแถบ (อ่านข่าว : ผู้โดยสารอึ้ง คุณป้าช่างกล้าหอบปลามาฆ่าในห้องน้ำสถานีรถไฟใต้ดิน)


ภาพจาก China Face by CRI / เฟซบุ๊ก China Xinhua News
http://hilight.kapook.com/view/131950

Thursday, January 21, 2016

สาวโคตรโหดถอดส้นสูงแบรนด์ดังทิ่มตาหนุ่มเลือดอาบ วิวาทกันเรื่องมันฝรั่งทอด !



            เปิดคดีสาวสุดโหด ถอดรองเท้าส้นสูง คริสเตียน ลูบูแตง ทิ่มตาหนุ่มเลือดอาบหน้า เพื่อปกป้องเพื่อนสาว หลังมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเพราะมันฝรั่งทอด

            เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 เว็บไซต์เมโทรของอังกฤษ มีรายงานว่า ชาดิยา โอมาร์ สาววัย 22 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัว หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายจัสติน ลอยด์ วัย 22 ปี จนเจ็บหนัก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนดึกหลังเลิกงานปาร์ตี้ ขณะสาวโอมาร์พร้อมเพื่อนและหนุ่มลอยด์คู่กรณี กำลังยืนเข้าคิวรอรถแท็กซี่อยู่ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์

            จากรายงาน ระบุว่า หนุ่มลอยด์ได้เดินเข้าไปหาเพื่อนของโอมาร์ พร้อมกับยื่นซองมันฝรั่งทอดกรอบให้ แต่เธอได้ปฏิเสธแล้วปัดมันร่วงทิ้งไป ฝ่ายหนุ่มลอยด์จึงเกิดอาการโกรธ และหยิบจะเอาถุงมันฝรั่งพวกนั้นขึ้นมาเทใส่หัวของเธอ


           ฝ่ายสาวโอมาร์เห็นเหตุการณ์ จึงรุดเข้าไปช่วยเพื่อน โดยการถอดรองเท้าส้นสูงแบรนด์ดัง คริสเตียน ลูบูแตง ออกมาทิ่มเข้าไปที่เบ้าตาซ้ายของหนุ่มคู่กรณี จนเลือดไหลอาบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจึงนำตัวเหยื่อส่งโรงพยาบาล ส่วนสาวโอมาร์ผู้ก่อเหตุถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไป

            อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคยังดีที่ตาของหนุ่มลอยด์ไม่บอด แต่ยังคงมีอาการเจ็บจากบาดแผล รวมไปถึงผลกระทบทางด้านจิตใจ เนื่องจากเขาถูกไล่ออกจากงานรับจ้าง และยังกังวลว่าบาดแผลนี้อาจกลายเป็นรอยแผลเป็น ทำให้เขารู้สึกทุกข์ทรมานมาก


               สาวโอมาร์ผู้ก่อเหตุได้อ้าง ต่อศาลที่พิจารณาคดีดังกล่าวว่า เธอแค่ถอดรองเท้าเหวี่ยงออกไปป้องกันเพื่อนสาวเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะนำมาใช้เป็นอาวุธหรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุเธอและเพื่อนก็มีอาการมึนเมา ศาลจึงตัดสินให้สาวโอมาร์จำคุก 1 ปีครึ่ง รอลงอาญา 2 ปี ระหว่างนี้เธอยังต้องถูกคุมประพฤติ 6 เดือน และจ่ายค่าชดเชยให้เหยื่อ 100 ปอนด์ (ราว 5 พันบาท)


http://hilight.kapook.com/view/131863