สาวสุดเศร้า
ทำได้เพียงบอกลาสามีใกล้ตายผ่านทางเฟซไทม์ เพราะตัวเองป่วยหนักเกินกว่าจะไปอยู่เคียงข้างได้
พร้อมเปิดเรื่องราวของคู่รักที่พร้อมสู้ด้วยกัน แม้เจออุปสรรคจากโรคร้าย
ไม่ว่าใครต่างก็อยากจะมีชีวิตอยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด แต่โชคร้ายเหลือเกินที่เวลาของใครบางคน กลับไม่ได้ยาวนานดังที่ใจหวัง ดังเช่นเรื่องราวชีวิตของ ดาลตัน และ เคธี่ เพรเกอร์ คู่รักหนุ่มสาวจากสหรัฐฯ ที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนต้องจากกันชั่วนิรันดร์ ด้วยชะตากรรมที่ไม่อาจฝืน
ไม่ว่าใครต่างก็อยากจะมีชีวิตอยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด แต่โชคร้ายเหลือเกินที่เวลาของใครบางคน กลับไม่ได้ยาวนานดังที่ใจหวัง ดังเช่นเรื่องราวชีวิตของ ดาลตัน และ เคธี่ เพรเกอร์ คู่รักหนุ่มสาวจากสหรัฐฯ ที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนต้องจากกันชั่วนิรันดร์ ด้วยชะตากรรมที่ไม่อาจฝืน
โดยเรื่องราวที่ได้รับการเปิดเผยจาก เว็บไซต์เดลี่เมล เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ระบุว่า ดาลตัน และ เคธี่ เพรเกอร์ ต่างก็เป็นผู้ป่วยโรคซีสติก ไฟโบรซีส (Cystic fibrosis) หรือ CF โรคทางพันธุกรรมที่นำไปสู่ความผิดปกติในลำไส้และปอด และทำให้ผู้ป่วยเป็นโรคปอดเรื้อรัง
โดย เคธี่ เผยว่า ที่จริงแพทย์เคยเตือนเธอแล้วว่าให้หลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้ป่วยโรค CF คนอื่น ๆ เพราะเกรงว่าเธอจะติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia cepacia ที่เป็นอันตรายอย่างมาก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้พบรักกับดาลตันผ่านทางเฟซบุ๊ก เธอก็ได้ขอให้เขามาหาเธอที่รัฐเคนทักกี ก่อนที่พวกเธอจะแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเมื่อ 5 ปีก่อน ในขณะที่อายุ 20 ปี
ด้วยสภาพอาการของเคธี่ที่ยากจะหาศูนย์การแพทย์ที่รักษาได้
ทำให้เคธี่จำต้องเข้ารับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัย พิทส์เบิร์ก
ซึ่งเธอไม่สามารถใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพในการปลูกถ่ายปอดได้ ทำให้ฝ่ายสามีที่เพิ่งจะฟื้นตัวหลังการปลูกถ่ายปอดของเขา
จำต้องหาทางระดมทุน วอนขอสาธารณชนให้หยิบยื่นความช่วยเหลือแก่ภรรยา ไม่ปล่อยให้อุปสรรคดังกล่าวเป็นจุดสิ้นสุดในความรักของพวกเขา
และในที่สุดดาลตันก็สามารถหาทุนมาสนับสนุนการผ่าตัดปลูกถ่ายปอดแก่ภรรยาของเขาได้
แต่น่าเศร้าที่การปลูกถ่ายครั้งนี้ล้มเหลว และแพทย์ก็ไม่เหลือหนทางอื่นในการรักษาเธอ
ในขณะที่ตัวดาลตันเองก็ได้ทราบในเวลาต่อมาว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง เขาก็ยังต้องประสบภาวะแทรกซ้อนจากโรคปอดบวมและติดเชื้อด้วย
ชะตากรรมที่น่าเศร้าแยกทั้งคู่ให้ต้องจากกัน
โดยเคธี่อยู่ภายใต้การดูแลประคับประคองช่วงสุดท้ายของชีวิตในรัฐเคนทักกี ส่วนสามีของเธอรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างรัฐ
ซึ่งแม้ว่าครอบครัวของเคธี่หวังจะนำดาลตันมารักษาในที่เดียวกัน แต่อาการของดาลตันก็ทรุดหนักเกินกว่าจะรับการเดินทางไหว
ทั้งนี้คู่รักได้พบหน้ากันครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในวันครบรอบแต่งงานปีที่ 5 กระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ดาลตันก็ได้จากโลกนี้ไปตลอดกาล โดยที่เคธี่ทำได้เพียงบอกลาเขาผ่านเฟซไทม์ แม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังจะได้ยินเสียงของเธออีกหรือไม่
ทั้งนี้คู่รักได้พบหน้ากันครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในวันครบรอบแต่งงานปีที่ 5 กระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ดาลตันก็ได้จากโลกนี้ไปตลอดกาล โดยที่เคธี่ทำได้เพียงบอกลาเขาผ่านเฟซไทม์ แม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังจะได้ยินเสียงของเธออีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบกับเรื่องราวเช่นนี้ แต่เคธี่ก็ยังภาคภูมิใจในความเป็นนักรบผู้กล้าหาญของสามี ที่ไม่เคยมีคำว่ายอมแพ้ ในขณะที่สำหรับตัวเธอ เธอยินดีที่จะได้มีความสุขมาก ๆ ร่วมกันกับเขาเพียงแค่ 5 ปี และจากไป แทนที่จะมีความสุขแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในช่วงชีวิตนาน 20 ปี
ทั้งนี้สำหรับเคธี่ เธอเลือกที่จะปฏิเสธการรักษาด้วยยาเพื่อประคองชีวิตหลังจากนี้ โดยยอมทำเพียงการฟอกไตเท่านั้น และหวังเพียงตัวเองจะได้จากไปตามธรรมชาติ โดยที่ครอบครัวจะไม่ต้องเป็นกังวลหลังจากนี้
ภาพจาก
เฟซบุ๊ก
dktransplant
http://hilight.kapook.com/view/142384
No comments:
Post a Comment